วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2555

โรคมะเร็ง

1.มะเร็งกระดูก

"มะเร็ง" โรคร้ายที่เป็นสาเหตุการตายที่สำคัญในปัจจุบัน มะเร็งส่วนใหญ่สามารถบำบัดได้ และหลายชนิดที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยเฉพาะถ้าได้รับการบำบัดตั้งแต่เริ่มแรก... วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับ "มะเร็งกระดูก" มะเร็งที่พบได้น้อยมาก แต่ถ้าหากเป็นแล้ว อาการมักจะรุนแรงและกระจายไปสู่อวัยวะอื่นได้รวดเร็วมาก ส่วนใหญ่จะพบในคนอายุต่ำกว่า 35 ปี โดยเฉพาะในช่วงอายุ 10 - 20 ปี

         มะเร็งกระดูกถูกแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ "มะเร็งที่แพร่กระจายมาจากมะเร็งของอวัยวะอื่น" เช่น จากต่อมลูกหมาก เต้านม ไทรอยด์ ฯลฯ โดยมักเกิดที่กระดูกแบนๆ เช่น กระดูกเชิงกราน กระดูกซี่โครง กระดูกกระโหลกศีรษะ เป็นต้น และ "มะเร็งที่เกิดกับกระดูกโดยตรง" คือ มะเร็งที่เกิดจากเซลล์ของกระดูก ซึ่งพบได้น้อยกว่าชนิดแรก มักจะเป็นที่กระดูกของแขน ขา เป็นส่วนใหญ่ ส่วนน้อยเกิดบริเวณกระดูกขากรรไกร

          สำหรับ สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งกระดูกนั้น เช่นเดียวกับมะเร็งชนิดอื่นๆ คือยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอน แต่มีสาเหตุบางประการซึ่งอาจเป็นปัจจัยเสริมให้เกิดมะเร็งของกระดูกได้ เช่น กระดูกได้รับอันตรายจากการหกล้ม และผู้ที่ได้รับสารกัมมันตรังสีบางอย่าง เช่น เรเดียม สตรอนเซียม ก็จะมีโอกาสเป็นมะเร็งของกระดูกได้มากกว่าคนธรรมดา 


อาการ


          ะพบว่ามีก้อนแข็งหรือปุ่มยื่นออกมาจากกระดูก ก้อนจะโตเร็ว ต่อมาจะมีอาการปวดร่วมด้วย บางรายมาด้วยอาการกระดูกหักแตกได้ง่ายจากการกระทบกระเทือนเพียงเล็กน้อย

การวินิจฉัย


          แพทย์จะตรวจร่างกายอย่างละเอียด มักต้องอาศัยการเอ็กซเรย์ร่วมด้วย บางรายแพทย์อาจตัดชิ้นเนื้อไปตรวจดูทางพยาธิวิทยา เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องแม่นยำ และวางแผนการรักษาต่อไป 

การรักษา


          โดยทั่วไปอาศัยการผ่าตัดเป็นหลัก และอาจใช้การฉายแสงหรือยาเคมีบำบัดร่วมด้วยในบางกรณี 

ข้อพึงปฏิบัติ


          มะเร็งกระดูก แม้พบได้น้อย แต่เมื่อเป็นแล้วจะมีความรุนแรงมาก ผู้ป่วยจะมีอาการทรุดอย่างรวดเร็ว การวินิจฉัยโรคเร็ว และให้การรักษาโดยฉับพลัน จึงเป็นหัวใจของความอยู่รอด ดังนั้น เมื่อความผิดปกติเกิดขึ้นแก่กระดูก เช่น มีก้อนเกิดขึ้นบริเวณแขน ขา กระดูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กวัยเรียน ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยเร็ว อย่าลังเลใจ เพื่อแพทย์จะได้แนะนำและให้การรักษาต่อไป

2.มะเร็งผิวหนัง

มะเร็งผิวหนัง เป็นมะเร็งที่สามารถพบได้เร็วกว่ามะเร็งชนิดอื่นเนื่องจากเห็นได้จากภายนอก สามารถรักษาให้หายขาดได้ ธรรมชาติของมะเร็งผิวหนังจะขยายตัวค่อนข้างช้าอาจนานถึง 5-6 ปี แต่ถ้าไม่รักษาจะมีผลต่ออวัยวะใกล้เคียงไปจนถึงเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้

มะเร็งผิวหนังจะมีลักษณะอย่างไร

 
1.
ผื่นแอคตินิค เคราโตซิล ( Actinic Keratisis = AKS ) เป็นการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ผิวหนังที่ผิดปกติ โดยมีลักษณะเป็นผื่นขุยๆ มักพบบริเวณหน้า แขน ลำตัว หลังมือ หรือบริเวณที่ได้รับแสงแดดมาก ถ้าไม่รักษาจะกลายเป็นมะเร็งผิวหนังได้
 
2.
มะเร็งบาซอล เซลล์ คาร์ซิโนมา ( Basal Cell Carcinoma = BCC ) เป็นมะเร็งผิวหนังที่ร้ายแรงน้อย เพราะเกิดบริเวณชั้นตื้นๆ มักเกิดการทำลาย เพราะบริเวณตำแหน่งที่เป็น ถ้าเป็นบริเวณใกล้เคียงอวัยวะที่สำคัญ เช่น ตา จมูก ปาก หู อาจทำให้เกิดอันตรายต่ออวัยวะนั้นได้ มะเร็งชนิดนี้มักพบบริเวณ หู จมูก ใบหน้า หน้าอก หลัง ลักษณะที่พบมีหลายแบบ
    2.1 เป็นก้อนเนื้อนูนสีเดียวกับผิวหนัง หรือ ชมพูใส มีขอบ อาจมีเลือดออกบ่อยๆ
    2.2 ลักษณะคล้ายสิว เป็นๆ หายๆ มักมีเลือดออก
    2.3 ลักษณะเป็นก้อนแบนแข็งติดกับผิวหนัง
    2.4 ลักษณะเป็นก้อนขุย มีสะเก็ดดำเลือดออก
    อาการที่สำคัญ คือ มีการระคายเคืองบริเวณก้อนเนื้อ แผลเรื้อรัง เป็นๆ หายๆ มีเลือดออก
 
3.
มะเร็งสะแควมัส เซลล์ คาร์ซิโนมา ( Squamous Cell Carcinoma = SCC ) ลักษณะคล้ายกับมะเร็งบาซอล เซลล์ คาร์ซิโนมา การลุกลามมักเร็วกว่ามะเร็งชนิด บาซอลเซลล์ คาร์ชิโนมา มักจะลุกลามลงลึกสู่ด้านล่างของเซลล์ผิวหนัง ถ้าคลำดูผิวหนังด้านล่างมักจะพบว่าเป็นก้อนแข็งๆ
 
4.
มะเร็งแมลิกแนนท์ เมลาโนมา ( Malignant Melanoma ) ลักษณะคล้ายไฝดำ แต่จะกระจายอย่างรวดเร็วสู่อวัยวะภายใจสามารถทำให้เสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว จัดเป็นมะเร็งชนิดร้ายแรงที่สุด
มะเร็งบาซอล เซลล์ คาร์ซิโนมา และมะเร็งชนิดสะแควมัส เซลล์ คาร์ซิโนมา พบได้ตั้งแต่ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป มักพบบ่อยในผู้ที่มีอายุ 60 - 80 ปี

สาเหตุการเกิด



 

 
1.
แสงแดดซึ่งมีรังสีอัลตร้าไวโอเล็ท ในช่วงเวลา 10.00 - 15.00 น.
 
2.
การระคายเคืองของสารเคมี เช่น การได้รับสารหนู ยาแผนโบราณ แหล่งน้ำ อาหาร
 
3.
การเป็นแผลเรื้อรังจะมีการเปลี่ยนแปลง มีการทำลายยีนส์ที่ควบคุมการแบ่งตัวของเซลล์ผิวหนังตามปกติ
 
4.
พันธุกรรม

เราจะป้องกันได้อย่างไร

 
หลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วงเวลา 10.00 - 15.00 น.
 
ใช้ครีมกันแดด ที่มีค่า SPF > 15
 
หลีกเลี่ยงภาวะที่เสี่ยงต่อการระคายเคืองของผิวหนัง เช่น การสัมผัสสารเคมีบ่อยๆ หรือ การใช้วัตถุขัดถูผิวหนังอย่างแรงๆ บางชนิด





ท่านทราบไหมว่า ไฝบางชนิดอาจกลายเป็นมะเร็งผิวหนัง เราจะสังเกตได้อย่างไร
 
ไฝที่มีลักษณะขอบไม่เรียบ
 
สีไฝไม่สม่ำเสมอ
 
ขนาดโตมากกว่า 6 มม.
 
เมื่อแบ่งเส้นผ่าศูนย์กลางแล้ว ลักษณะของไฝสองข้างจะไม่เหมือนกัน
มีวิธีการรักษาอย่างไร
 
ถ้าเป็นผื่นแอคตินิค เคราโตซิส สามารถใช้การจี้ด้วยความเย็นในการรักษาก็เพียงพอ
 
ถ้าลุกลามเป็นมะเร็งบาซอล เซลล์ คาร์ซิโนมา ใช้วิธีการจี้ไฟฟ้า ร่วมกับการขูดผิวหนังหรือการตัดออกและการผ่าตัดพิเศษที่เรียกว่า Moh's Surgery ซึ่งวิธีการใดขึ้นอยู่กับอายุของผู้ป่วย สภาพร่างกายของผู้ป่วย และลักษณะของเนื้อที่ผิดปกติ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัย
 
ถ้าเป็นมะเร็ง สะแควมัส เซลล์ คาร์ซิโนมา ต้องใช้วิธีการ ผ่าตัด Moh's Surgery
หากเกิดแผลเรื้อรังมากกว่า 2 สัปดาห์ มีเลือดออก มีการเปลี่ยนแปลงของไฝ ปาน ควรรีบมารับการตรวจจากแพทย์ผิวหนังโดยเร็ว
















































ที่มา :

 


















http://hilight.kapook.com/view/31164

www.ramaclinic.com

http://www.yourhealthyguide.com/article/ac-skin.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น